ครม.เศรษฐกิจ คลอด 4 แพ็คเกจ ฟื้นฟู-เยียวยาน้ำท่วม ช่วย 2.9 ล้านคน
ฐานเศรษฐกิจ
01 ธ.ค. 2568 | 17:27 น.
วันนี้ (1 ธันวาคม 2568)
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงผลประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ
หรือ ครม.เศรษฐกิจ ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า
ที่ประชุมครม.เศรษฐกิจ เห็นชอบการออกมาตรการฟื้นฟูเยียวยาน้ำท่วม 4 มาตรการใหญ่ โดยจะเสนอให้กับที่ประชุมครม.พิจารณาในวันพรุ่งนี้ (2 ธ.ค.) เห็นชอบ
ภายหลังเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ในช่วงที่ผ่านมา
ได้สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจและทรัพย์สินเป็นวงกว้าง
โดยกระทบกับประชาชนมากกว่า 2.9 ล้านคน
และส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจในพื้นที่กว่า 5 แสนล้านบาท
สำหรับมาตรการฟื้นฟูเยียวยาน้ำท่วม ทั้ง 4 มาตรการใหญ่ รัฐบาลเตรียมดึงเงินจากมาตรา 28 แห่งพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. 2561 มาใช้ในการฟื้นฟูและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม
ทั้งประชาชน และภาคธุรกิจ โดยการนำเสนอต่อครม.วันพรุ่งนี้ จะแยกออกเป็นกลุ่มหลัก 2
กลุ่ม นั่นคือ มาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
และมาตรการช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี สรุปได้ดังนี้
1.การลดภาระหนี้
โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจดำเนินมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 12
เดือน
โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะยกเว้นการคิดดอกเบี้ยในช่วงเวลาการพักชำระหนี้
(คิดดอกเบี้ยร้อยละ 0 ต่อปี) รายละไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
จะผ่อนเกณฑ์ไม่เป็นหนี้เสีย หรือ NPL ด้วย
ขณะเดียวกันยังมีการให้สินเชื่อเพื่อเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้
เป็นสินเชื่อเพิ่มเติมภายใต้วงเงินกู้เดิมกับธนาคาร (ลูกหนี้เดิม) รายละไม่เกิน 1 แสนบาท ปลอดดอกเบี้ย 12 เดือนแรก
และการให้สินเชื่อเพื่อฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อราย ปลอดดอกเบี้ย 12 เดือนแรก
นอกจากนี้ ธปท.และสมาคมธนาคารไทย
ยังจะผ่อนเกณฑ์ในการปล่อยสินค้า เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี
รวมทั้งการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
(บสย.) ค้ำประกันให้ภาคธุรกิจด้วย
2.การเก็บเงินไว้ในกระเป๋า โดยนายกฯ
กำชับเรื่องการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบภัยตามเกณฑ์ครัวเรือนละไม่เกิน 9,000
บาท กระทรวงมหาดไทย จะเสนอที่ประชุมครม. วันพรุ่งนี้ เพื่อของบกลาง
และจะเร่งเบิกจ่ายให้ถึงมือประชาชนโดยเร็ว
ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังได้ขยายเงินทดลองให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนำมาใช้จ่ายต่าง
ๆ ได้สะดวกมากขึ้น จังหวัดละ 100 ล้านบาท
พร้อมผ่อนเกณฑ์ในการเบิกจ่ายให้สามารถใช้ในกรณีฉุกเฉินเพื่อมาช่วยประชาชนที่เดือดร้อนในพื้นที่
ด้านการประกันภัย สำหรับประชาชนที่ทรัพย์สินเสียหาย
บริษัทประกันจะเร่งจ่ายค่าชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงไม่เกิน
20,000 บาท ส่วนร้านค้าต่าง ๆ
จะจ่ายค่าสินไหมทดแทน 30,000 บาท
ส่วนรถยนต์จะเร่งเคลมให้รวดเร็ว โดยสามารถถ่ายรูปรถยนต์ให้เห็นทะเบียนและระดับน้ำ
เพื่อให้ประชาชนสามารถเคลมยนต์ได้ทันที
ส่วนกระทรวงแรงงาน
ได้ขยายระยะเวลาเงินนำส่งประกันสังคมทั้งหมด ขณะที่ลูกจ้าง
จะมีการจะจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานในกรณีไม่สามารถทำงานได้ในอัตรา 50% ของค่าจ้างสูงสุดไม่เกิน 180 วัน
และจัดสินเชื่อให้ผู้ประกอบการเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน
ในกิจการที่มีลูกจ้างไม่เกิน 200 คน กู้ได้ไม่เกินรายละ 15
ล้านบาท
3. การลดภาระค่าใช้จ่าย โดยจะขยายเวลาชำระภาษีและค่าธรรมเนียม
จะประสานกับทางกระทรวงมหาดไทย
เพื่อลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ที่ประสบภัย
พร้อมลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับซ่อมแซมทรัพย์สินตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน
100,000 บาท
การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพื่อซ่อมแซมรถยนต์ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000
บาท
ส่วนผู้ประกอบการที่มีค่าใช้จ่ายซ่อมแซมทรัพย์สิน
สามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักได้ 2 เท่า
นอกเหนือจากนั้นผู้ที่บริจาคช่วยผู้ประสบภัย และองค์กรสาธารณกุศลต่าง ๆ
ก็สามารถลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน
4. ด้านอื่น ๆ เช่น รัฐวิสาหกิจตรวจสอบความปลอดภัยตามที่อยู่อาศัย
สิ่งปลูกสร้างระบบท่อน้ำ ระบบไฟฟ้า รางรถไฟ เป็นต้น
การอำนวยความสะดวกในการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด
การจัดหน่วยบริการเคลื่อนที่ (Mobile Unit) ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์
และหน่วยงานพันธมิตร โดยลงพื้นที่ให้คำปรึกษาและบริการต่าง ๆ
ด้านการค้าระหว่างประเทศแก่ผู้ประกอบการถึงในพื้นที่
การอำนวยความสะดวกในการยื่นงบการเงินและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น เป็นต้น
พร้อมทั้งได้มีการมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทย
พิจารณาแนวทางที่เหมาะสมและสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้ลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ และผู้ให้บริการทางการเงินอื่น ๆ
ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) ที่ประสบอุทกภัยได้รับความช่วยเหลือที่สอดคล้องกับแนวทางการให้ความช่วยเหลือของสถาบันการเงินเฉพาะกิจต่อไป
รองนายกฯ กล่าวว่า นายกฯ
ยังได้มอบหมายให้ถอดบทเรียนจากภัยพิบัติครั้งนี้ โดยขอให้นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ
รองนายกฯ เป็นประธานในการถอดบทเรียนต่าง ๆ ทั้งการแก้ปัญหาในระยะสั้น
และการเตรียมความพร้อมระยะยาว โดยกระทรวงต่างประเทศ
จะขอความช่วยเหลือกับประเทศที่ได้มีปัญหาประสบอุทกภัย เช่น ประเทศญี่ปุ่น
เพื่อนำมาวางระบบในการที่จะดูแล
นอกจากนี้นายกฯ ยังได้มอบหมายกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา
เตรียมแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยว หลังจากฟื้นฟูและให้หน่วยราชการต่าง ๆ
จัดสัมมนาในจังหวัดที่ประสบภัยเพื่อให้กระตุ้นการท่องเที่ยวช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ต่อไป
ส่วนมาตรการลดค่าน้ำประปา และค่าไฟฟ้า ที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับไปดำเนินการต่อไป
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++