ผ่าปัญหาตลาดแรงงาน น่าห่วง! ซมวิกฤตโครงสร้างประชากรไทยเปลี่ยน
ฐานเศรษฐกิจ
16 พ.ย. 2568 | 16:45 น.
นายธนิต โสรัตน์ ประธานกรรมการบริษัทในเครือวี-เซิร์ฟ กรุ๊ป
และประธานสภาที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาแรงงานแห่งชาติ เปิดเผยว่า
ที่ผ่านมามีการกล่าวถึงสถานประกอบการต่าง ๆ
เลิกจ้างและลดการจ้างแรงงานจนทำให้อัตราการว่างงานของประเทศพุ่งสูงกว่าปกติ
แต่จากการพิจารณาข้อมูลของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องพบว่า อัตราการว่างงานทั้งแรงงานของประเทศและแรงงานในระบบประกันสังคมไม่ได้สูงกว่าค่าเฉลี่ย
และเมื่อเปรียบเทียบ 4 ปี อัตราการว่างงานก็ไม่ได้ส่งสัญญาณผิดปกติ
นายธนิต กล่าวว่า
ประเด็นที่น่าจะมีการศึกษาคือประเทศไทยมีปรากฎการณ์ที่ต่างไปจากประเทศอื่นๆ
เนื่องจากอัตราการว่างงาน
โดยเฉพาะของสำนักงานสถิติแห่งชาติไม่แปรผันไปตามการขยายตัวของเศรษฐกิจหรือ GDP
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเศรษฐกิจของไทยขยายตัวเฉลี่ยเพียงร้อยละ 2.59
(หักปี 2563 GDP ติดลบ 6.2%)
โดยอัตราการว่างงานของไทยต่ำกว่าศักยภาพและต่ำกว่าประเทศในเอเชียแปซิฟิก
แต่ไม่มีผลต่อการจ้างงาน
แม้แต่ในปีนี้มีปัจจัยตัวแปรทั้งภายนอกและภายในรวมถึงเสถียรภาพทางการเมืองกลับไม่มีผลกระทบต่อตลาดแรงงานและไม่มีปัญหาการว่างงานอย่างเป็นนัย
สำหรับฉากทัศน์ตลาดแรงงานในทุกภาคส่วนเศรษฐกิจ พบว่า
มีความต้องการหรือดีมานด์จากนายจ้างในเชิงปริมาณยังไม่พอกับความต้องการ
โดยเฉพาะแรงงานที่มีทักษะเฉพาะด้านในทุกสาขา
ข้อมูลเชิงประจักษ์ตลาดเป็นของแรงงานซึ่งมีการเลือกงานที่มีรายได้สูงและพฤติกรรมเปลี่ยนงานบ่อยรวมถึงมีอัตราสูงชอบงานสบาย
สวัสดิการดี โดยเฉพาะกลุ่มเจน Z
โดยในช่วง 1 – 2 ปีแรก ส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่ทำงานประจำ
ชอบงานอิสระ หรืองานฟรีแลนซ์ หรืออาชีพทำธุรกิจส่วนตัว
ทั้งที่ยังไม่มีขีดความสามารถขาดทักษะและประสบการณ์
ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีการศึกษาระดับปริญญา
ซึ่งมีอัตราการว่างงานเกือบครึ่งของจำนวนคนว่างงาน
นายธนิต กล่าวว่า ดังที่กล่าวมาเป็นปัญหาทางโครงสร้าง
มีผลต่อปัจเจกบุคคล-ครัวเรือน-ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจของประเทศ
ขณะเดียวกันปัญหาในอีกด้านของไทยคือ การเร่งตัวของแรงงานสูงอายุ
ซึ่งค่าเฉลี่ยหรือมัธยฐานอายุแรงงานไทยประมาณ 42 - 45 ปี
เทียบกับประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย
กำลังแรงงานอยู่ในช่วงวัยหนุ่มสาว
ทั้งนี้มองว่า วิกฤตประชากรของไทยกำลังก่อตัว
เป็นผลจากอัตราการเกิดต่ำกว่าอัตราการเสียชีวิต
โดยอัตราคนเกิดน้อยกว่าคนตายเป็นปีที่ 5 จำนวนเด็กเกิดใหม่ลดลงในช่วง
9 เดือนของปี 2568 มีเด็กเกิดใหม่ 309,644
คน ลดลงถึงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
โดยผลกระทบทางเศรษฐกิจการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต
ทำให้เผชิญกับความเสี่ยงการขาดแคลนแรงงาน การบริโภคที่ลดลง
และภาระทางการคลังที่เพิ่มขึ้น
ดังนั้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าคือการนำเข้าแรงงานต่างชาติเข้ามาทดแทนการขาดแรงงาน
ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสูงถึง 4.005 ล้านคน
สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ช่วงไตรมาส 3/2568 มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง
6.464 แสนคนหรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 19.25
ขณะเดียวกันการที่รัฐบาลคิกออฟแนวคิดขยายเกษียณราชการจาก 60 ปีไปเป็น 65 ปี
จำเป็นต้องครอบคลุมทั้งแรงงานภาครัฐและเอกชน
การขยายอายุเกษียณแรงงานเกี่ยวข้องกับมาตรการรองรับการขาดแคลนแรงงาน
ซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญและจะเพิ่มดีกรี
กลายเป็นปัญหาของประเทศในอนาคตอันใกล้ มีผลโดยตรงต่อเสถียรภาพตลาดแรงงาน การส่งออก
การลงทุน การขยายตัวทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของครัวเรือนเป็นปัญหาทางโครงสร้างแก้ยากด้วย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++