Home

October 17, 20251 0

การบินไทย ลุยไฟ ดันเช่าเครื่องบินหมื่นล้าน ชิงตัดหน้า AGM ตั้งบอร์ดใหม่

ฐานเศรษฐกิจ

17 ต.ค. 2568 | 06:30 น.

การประชุมคณะกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ บอร์ดการบินไทย ในวันที่ 23 ตุลาคม 2568 นี้ แหล่งข่าวระบุว่า ต้องจับตาการหารือในประเด็นสำคัญ 2 เรื่อง คือ 1.การพิจารณา การเช่าเครื่องบินของการบินไทย ท่ามกลางการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการตัดสินใจลงทุนครั้งใหญ่ของบริษัทครั้งนี้ 

2. การเสนอให้จัด ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี หรือ Annual General Meeting (AGM) ในวันที่ 19 ธันวาคม นี้ เพื่อเพิ่มจำนวนบอร์ดการบินไทยอีก 4 คน จากปัจจุบันมีจำนวน 11 คน เป็น 15 คน โดยการบินไทยได้ส่งหนังสือให้ผู้ถือหุ้นรายอื่นเสนอชื่อบอร์ดได้ แต่รายชื่อทั้งหมดจะต้องนำมาโหวตคัดเลือกในการประชุม AGM ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่ารายชื่อบอร์ดจากผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างกระทรวงการคลังจะได้รับสิทธิคัดเลือก เพราะกระทรวงการคลังมีสิทธิในการโหวตมากที่สุด

ล่าสุดกระทรวงการคลังได้ใช้สิทธิผู้ถือหุ้นในการเสนอรายชื่อผู้ที่จะคัดเลือกเข้าเป็นบอร์ดรวม 10 คน เป็นการเสนอเพื่อเตรียมทดแทนบอร์ดชุดเดิมที่จะหมดวาระ 3 คน ได้แก่ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร พล.อ.อ.อำนาจ จีระมณีมัย ซึ่งมี 1 คนที่ต้องจับฉลากออกตามเกณฑ์กำหนดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนบอร์ด 1 ใน 3 ของจำนวนปัจจุบัน
สำหรับบอร์ดการบินไทยในปัจจุบัน 11 คน ประกอบด้วย นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร พลอากาศเอก อำนาจ จีระมณีมัย นายลวรณ แสงสนิท (ประธานบอร์ดปัจจุบัน) ดร.กุลยา ตันติเตมิท นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ พลตำรวจเอก ธัชชัย ปิตะนีละบุตร นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม นายยรรยง เดชภิรัตนมงคล นายสัมฤทธิ์ สำเนียง และนายชาย เอี่ยมศิริ (ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการบินไทย)

ชงแผนเช่าเครื่องบินกว่า 1 หมื่นล้าน

สำหรับประเด็นการเสนอพิจารณาการเช่าเครื่องบิน แหล่งข่าวระบุว่า การบินไทยมีความต้องการที่จะเช่าเครื่องบินลำตัวกว้าง 8-10 ลำ ที่ผ่านมาการบินไทยไม่ได้เจรจากับบริษัทผู้ให้เช่าเครื่องบินแอร์บัส A330-200 เท่านั้น แต่ยังมีการเจรจากับ โบอิ้ง 787 ด้วยเช่นกัน และมีการรายงานบอร์ดมาโดยตลอด เนื่องจากการบินไทยจำเป็นต้องมีเครื่องบินลำตัวกว้าง เพื่อนำมาใช้ทดแทนเครื่องบิน ที่จะต้องถูกปลดระวางในปีหน้า อีก 10 ลำ โดยเครื่องบินทั้ง 2 ล็อตนี้มีข้อดี-ข้อเสียต่างกัน

แหล่งข่าวระบุว่า ที่ผ่านมา การบินไทยมีการเจรจากับบริษัทผู้เช่าเครื่องบินหลายราย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสายการบินต่าง ๆ ก็มีความต้องการเครื่องบินเช่าเพื่อขยายฝูงบิน ทำให้การพิจารณาการเช่าเครื่องบินลำตัวกว้างเพื่อนำมาใช้

ในระยะสั้น 6-8 ปีของการบินไทย ที่พอจะหาได้ จึงมีอยู่ด้วยกัน 2 ล็อต ใน 2 ทางเลือก ที่ได้เจรจากับบริษัทผู้ให้เช่าเครื่องบินตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ได้แก่

กางแผนเช่า 2 ล็อต 2 ทางเลือก

1. การเจรจากับบริษัทให้เช่า (Lessor) ชื่อ Jetran (สัญชาติอเมริกา) ที่เสนอแอร์บัส เอ 330-200 จำนวน 8 ลำ เป็นเครื่องบินเก่า ที่เคยประจำการกับสายการบิน American Airlines เป็นเครื่องบินลำตัวกว้าง มีพิสัยการบินไกล บินได้ 14-17 ชั่วโมง สามารถทำการบินไปยังยุโรปได้ ราคาค่าเช่าต่อลำต่อรองกันอยู่ที่ 450,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน สัญญาเช่า 8 ปี หากรวมค่าปรับปรุงห้องโดยสารและเครื่องยนต์สำรองของ Rolls Royce รวมการลงทุนจะอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาทในช่วงเวลา 8 ปี

ข้อดีของแอร์บัส เอ 330-200 คือ เป็นทางเลือกที่ได้เครื่องบินมาใช้แน่นอน สามารถจัดหาได้เร็ว และฝูงบิน A330-200 ที่เช่า ใช้เครื่องยนต์แบบเดียวกัน กับ A330-300 ที่การบินไทยมีอยู่แล้ว บริษัทมีเครื่องฝึกบินจำลอง (Simulator) A330 ทำให้ต้นทุนการฝึกนักบินไม่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องบินนานขึ้น เนื่องจากแอร์บัสเอ 330-300 เป็นเครื่องบินในเที่ยวบินระยะกลาง บินได้ราว 7 ชั่วโมง ส่วนข้อเสียคือ ประสิทธิภาพ รวมถึงความประหยัดน้ำมันสู้ 787 ไม่ได้ แต่สามารถใช้ทดแทนกันได้

 2.การเจรจาขอเช่าเครื่องบินโบอิ้ง 787-800 ของไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส จำนวน 10 ลำ จากบริษัทผู้ให้เช่า ชื่อ Avolon ของไอซ์แลนด์ ราคาค่าเช่าต่อลำอยู่ระหว่าง 800,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน สัญญาเช่า 6 ปี หากรวมการปรับปรุงและตกแต่งภายในก็จะอยู่ไม่ต่ำกว่า 1.3 หมื่นบาท เพราะค่าเช่าแพงกว่าแอร์บัส เอ 330-200

ข้อดีของโบอิ้ง 787-800 คือ เป็นเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพ และการประหยัดน้ำมัน ดีกว่าแอร์บัส A330-200 และโบอิ้ง 787 ก็เป็นเครื่องบินประเภทเดียวกับที่การบินไทยได้วางแผนจะสั่งซื้อในอนาคต นอกจากนี้ยังใช้เครื่องยนต์ GE Engine ซึ่งดีกว่า Rolls Royce Engine เนื่องจากการบินไทยเคยมีปัญหามาก่อน และ Rolls Royce ก็มีคิวในการซ่อมบำรุงเป็นจำนวนมาก เพราะต้องนำเครื่องไปซ่อมที่ศูนย์ซ่อมของโรลส์-รอยซ์เท่านั้น ต่างจากเครื่องยนต์ของจีอี ที่จะไปซ่อมที่ศูนย์ซ่อมที่ไหนก็ได้

ส่วนข้อเสีย คือ ค่าเช่า และต้องจ่ายค่ามัดจำ อีก 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ภายหลังมีการต่อรอง จึงลดราคาค่าเช่าต่อลำให้เหลือ 750,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน แต่ค่าใช้จ่ายโดยรวม รวมการปรับปรุง ก็ยังสูงกว่า A330-200 อย่างแน่นอน และยังมีความเสี่ยงว่าทางบริษัทผู้ให้เช่าเครื่องบิน จะชนะการประมูลหรือไม่ เนื่องจากต้องเข้าสู่การประมูลแข่งกับสายการบินอื่นในประเทศจีน ทำให้มีความไม่แน่นอนว่าจะได้รับเครื่องบินได้หรือไม่

การบินไทยแจงเหตุผลยิบ

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การจัดหาเครื่องบินเช่า ของการบินไทย เป็นแผนในการจัดหาเครื่องบินที่มาเติมกำลังการผลิต ระหว่างรอเครื่องบินฝูงบินใหญ่โบอิ้ง 787 รุ่นใหม่ ที่จะทยอยรับมอบในปี 2571

ที่สำคัญ คือ ในช่วงนี้การบินไทยมีเครื่องบินที่อยู่ในสถานะ AOG (Aircraft on Ground) ซึ่งเรามองเห็นตั้งแต่ปีที่แล้ว ทั้งยังจะมีเครื่องบินปลดระวางอีก 10 ลำในปีนี้ ในจำนวนนี้เป็นเครื่องบินลำตัวกว้างกว่า 8 ลำ ประกอบด้วย 777-200 จำนวน 4 ลำ, A350 จำนวน 2 ลำ, 787-800 จำนวน 2 ลำ และแอร์บัสเอ 330-300 ที่จะหมดสัญญาในปี 2573

อีกทั้งวันนี้ยังเครื่องบินรุ่น 787-800 อีก 2 ลำที่ต้องจอดอยู่ เนื่องจากปัญหาเครื่องยนต์ Rolls-Royce ที่การบินไทยส่งซ่อมยังไม่มาตามนัด และปีหน้าก็แอร์บัส A 350 อีก มีแนวโน้มต้องจอดเหมือนกัน เพราะไม่มีเครื่องยนต์ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้บริษัทต้องเร่งหาเครื่องบินลำตัวกว้างเพื่อเสริมศักยภาพ เพราะต้องการมี capacity เพิ่มเข้ามา

โดย ณ เมื่อปีที่แล้ว มีแอร์บัส เอ 330-200 เสนอเข้ามา ก็มีการเสนอผู้บริหารพิจารณา แต่ตอนนั้นมีความเสี่ยงเรื่องการปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐอเมริกา (Tariff ) ก็ให้ยุติไปก่อน ค่อยไปเสนอกรรมการบริษัท พอ Tariff War คลี่คลาย การบินไทยจึงนำเรื่องเสนอกรรมการบริษัท

ต่อมาในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก็มีเครื่องบินอีกฝูงหนึ่ง คือ โบอิ้ง 787-800 ซึ่งเป็นเครื่องบินเก่าเหมือนกัน อายุใกล้เคียงกัน เป็นเครื่องบินของสายการบิน China Southern ซึ่งออกมาประมูลขายพอมีเรื่อง Tariff ทางสายการบินก็ยกเลิกการประมูลไป ณ วันนั้นการบินไทย ก็แสดงความจำนงค์ไปว่าจะยื่นประมูลด้วย จากนั้นสายการบินก็ประกาศจะประมูลอีกทีในเดือนสิงหาคม แต่ครั้งนี้สายการบินเจ้าของเครื่องบินก็มีข้อกำหนดออกมามากมาย

จากนั้นก็มีผู้เช่าเครื่องบิน มาเสนอการบินไทย ทางบริษัทผู้เช่าเครื่องบินจะไปยื่นประมูล แต่เขาอยากให้การบินไทยเสนอราคาค่าเช่าเครื่องบินมา ซึ่งก็คือทางบริษัทผู้เช่าเครื่องบินจะไปประมูลและอยากหาลูกค้าทันที จึงมาติดต่อการบินไทย ซึ่งทางบริษัทผู้เช่าเครื่องบินก็ต้องไปประมูลแข่ง ขณะที่การบินไทยก็อยากได้ราคาค่าเช่าถูก แต่ในความเป็นจริงเวลาเขาไปประมูลก็ต้องเสนอราคาสูง ซึ่งตรงนี้มีความไม่แน่นอน ก็ว่ากันไปได้ก็ได้ ไม่ ได้ก็ไม่ได้

สำหรับฝ่ายบริหารของการบินไทย ก็ศึกษาตัวเลขแล้ว เนื่องจากค่าเช่า แอร์บัส เอ 330-200 ถูกกว่าโบอิ้ง 787-800 มาก และถึงแม้จะโบอิ้ง 787-800 จะกินน้ำมันน้อยกว่า แอร์บัสเอ 330-200 แต่ค่าเช่าก็สูงกว่ามาก ดังนั้นเมื่อเราดูภาพรวมแล้ว ตัวเลขจึงบ่งไปทางแอร์บัสเอ 330-200 และไม่ว่าจะการบินไทยจะเช่าเครื่องบินรุ่นไหน ก็ต้องนำเครื่องมาปรับปรุงตกแต่งให้เป็นเครื่องของการบินไทย

 ชงบอร์ดตัดสินใจ

นายชาย ยังกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีความเข้าใจผิดในกรณีเครื่องบินแอร์บัส เอ 330-200 ว่าทำการบินได้แค่ 7 ชั่วโมง จริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะเครื่องบิน แอร์บัส เอ 330-200 ที่เป็นหนึ่งในทางเลือกที่การบินไทยจะเช่ามานั้น มีพิสัยการบินระยะไกล เทียบเท่ากับโบอิ้ง 787-800 สามารถบินไปได้ถึงยุโรป

แต่คนไม่เข้าใจเพราะไปเทียบกับแอร์บัสเอ 330-300 ซึ่งเป็นเครื่องบินที่อยู่ในฝูงบินของการบินไทยในปัจจุบันที่เป็นเครื่องบินของการบินไทยมีอยู่ 3 ลำ และเป็นเครื่องเช่า 3 ลำ รวมเป็น 6 ลำ ซึ่งเครื่องบินแอร์บัสเอ 330-300 ทำการบินได้ราว 7 ชั่วโมง

ส่วนในประเด็นที่มีกระแสข่าวการบินไทยจะเอาเครื่องบินแอร์บัสเอ 330-300 ออกจากฝูงบินทำไมจึงสั่งแอร์บัส 330-200 มาเพิ่ม จริง ๆ แล้วแผนเดิมเครื่องบินแอร์บัสเอ 330-300 ที่การบินไทยมีอยู่ในฝูงบินที่เช่ามาจากเวอร์จิ้น จะหมดสัญญาปี 2573 และยังมีที่เป็นเครื่องบินของการบินไทยเอง จำนวน 3 ลำ แต่ถ้าเราเช่าฝูงบินแอร์บัสเอ 330-200 ก็จะเพิ่มไปอีก 2 ปี จากแอร์บัสเอ 330-300 เป็น แอร์บัส เอ 330-200 ซึ่งก็เพิ่มมาแค่ 2 ปี

ฝ่ายบริหารไม่ได้เชียร์หรือมีผลประโยชน์ว่าการบินไทยต้องเช่าเครื่องบินรุ่นไหน แต่ผมตอบด้วยตัวเลข ข้อเท็จจริงและผลประกอบการที่ออกมา ทุกอย่างโปร่งใส มีข้อมูลอ้างอิง ไม่ได้พูดลอย ๆ ซึ่งวันนี้ทางเลือกที่บอร์ดการบินไทยพิจารณาว่าจะให้การบินไทยเช่าเครื่องบินหรือไม่ ก็มีอยู่ 2 ทางเลือก คือ แอร์บัสเอ 330-200 และโบอิ้ง 787-800 ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบอร์ดการบินไทย และจากที่มีกระแสข่าวว่าการบินไทยจะเช่าโบอิ้ง 777-300 ER ก็ไม่ใช่ เพราะวันนี้การหาเครื่องบินไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในอดีตการบินไทยก็เคยจะเช่าเครื่องบินรุ่นนี้มา 6 ลำแต่ก็ไม่ได้”

อย่างไรก็ตามการบินไทยก็ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับทางบริษัทผู้ให้เช่าเครื่องบินโบอิ้งอยู่ ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ยังมีเวลา ซึ่งในการประชุมบอร์ดวันที่ 23 ตุลาคมนี้ ก็คงต้องมีข้อเสนอ เพราะที่ผ่านมาก็มีรายการงานที่เกี่ยวกับ 2 ทางเลือกในการเช่าเครื่องนี้กับทางบอร์ดมาโดยตลอด

นอกจากนี้ตามแผนการรับมอบเครื่องบินใหม่โบอิ้ง 787 ที่การบินไทยได้สั่งซื้อไว้ 45 ลำ จะทยอยรับเข้ามาตั้งแต่ต้นปี 2571 แต่หากการบินไทยไม่สามารถเช่าเครื่องบินช่วงนี้ก็ทำให้เครื่องบินลำตัวกว้างขาดช่วง ซึ่งในช่วง 5 ปีข้างหน้านี้ การบินไทยมีแผนลงทุนจัดหาเครื่องบินใหม่ ประมาณ 120,000 ล้านบาท โดยจะทยอยชำระค่าเครื่องบิน เพื่อขยายธุรกิจ

เปิดแผนขยายฝูงบินการบินไทย

สำหรับแผนการขยายฝูงบินของการบินไทย เดิมในปี 2562 การบินไทยมีเครื่องบินรวม 103 ลำ เป็นเครื่องบินลำตัวกว้าง 83 ลำ เครื่องบินลำตัวแคบ 20 ลำ ประเภทเครื่องบิน มี 8 แบบ ประเภทเครื่องยนต์ 9 แบบ นักบิน 8 แบบ ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2568 การบินไทยมีเครื่องบิน 103 ลำ เป็นเครื่องบินลำตัวกว้าง 58 ลำ เครื่องบินลำตัวแคบ 20 ลำ ประเภทเครื่องบิน 6 แบบ ประเภทเครื่องยนต์ 7 แบบ นักบิน 4 แบบ

ปี 2569 มีเครื่องบินรวม 93 ลำ เนื่องจากมีเครื่องบินต้องออกจากฝูงบิน 10 ลำ ส่วนในปี 2573 การบินไทยก็จะปลดระวางแอร์บัสเอ 330 ปี 2576 การบินไทยมีเครื่องบิน 150 ลำ เป็นเครื่องบินลำตัวกว้าง 98 ลำ เครื่องบินลำตัวแคบ 52 ลำ ประเภทเครื่องบิน 4 แบบ คือ โบอิ้ง 777-300 (17 ลำ) แอร์บัสเอ 350-900 (17 ลำ)โบอิ้ง 787 (64 ลำ) แอร์บัสเอ 320/ เอ 321 นีโอ (52 ลำ) ประเภทเครื่องยนต์ 5 แบบ นักบิน 3 แบบ

ส่วนแผนการจัดหาเครื่องบินไม่ว่าจะเช่าหรือซื้อ เป็นหัวใจในการดำเนินธุรกิจของการบินไทย เพราะแม้การบินไทยจะมีรายได้ 1.8 แสนล้านบาท แต่มาร์เก็ตแชร์ของการบินไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิ ลดต่ำลงมาอยู่ที่ 26% ซึ่งการบินไทยมีเป้าหมายเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ส่วนนี้ขึ้นมาเป็น 35% ในปี 2572

จึงทำให้การบินไทยได้วางแผนการปรับโครงสร้างฝูงบินและจำนวนเครื่องบินให้มีประสิทธิภาพโดยตั้งเป้าหมายว่าจะมีเครื่องบินจำนวน 150 ลำในปี 76 ซึ่งลดจำนวนแบบเครื่องบินจาก 8 แบบก่อนเข้าแผนฟื้นฟูกิจการเหลือเพียง 4 แบบ และลดจำนวนเครื่องยนต์จาก 9 แบบเหลือ 5 แบบส่งผลให้สามารถควบคุมต้นทุนในการดำเนินงานและซ่อมบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ลวรณ ยันเฟ้นคนดี-มีความสามารถ

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การสรรหากรรมการบอร์ดชุดใหม่เพิ่มเติม จาก 11 คน เป็น 15 คน ที่เตรียมเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นการบินไทยในวันที่ 19 ธันวาคมนี้ เป็นเพราะวันนี้การบินไทยมีกรรมการชุดย่อยบางชุดที่ตั้งไม่ได้ เพราะจำนวนกรรมการ
ของบริษัทฯ มีจำนวนไม่เพียงพอ อาทิ คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง เพราะตามระเบียบข้อบังคับแล้ว คณะกรรมการตรวจสอบจะต้องเป็นกรรมการอิสระ

เมื่อแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบไปแล้วก็จะเป็นกรรมการชุดอื่นอีกไม่ได้ เท่ากับกรรมการหายไปแล้ว 3 คน รวมประธานคณะกรรมการแล้ว ก็กลายเป็น 4 คน จากนั้นก็มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาและค่าตอบแทนอีก 3 คน รวมเป็น 7 คน เราใช้กรรมการไปหมดแล้ว ไม่สามารถตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ตรงนี้คือข้อจำกัดของบริษัท และผู้บริหารของการบินไทยก็ทราบ จึงมีความจำเป็นต้องเพิ่มจำนวนกรรมการจาก 11 เป็น 15 คน 

นายลวรณ กล่าวต่อว่า จำนวนกรรมการไม่ใช่ประเด็น แต่ถ้าเราเลือกกรรมการที่ดี เก่ง มีความรู้ความสามารถ เป็นที่ยอมรับของสังคม จะส่งผลดีต่อองค์กร เพราะตราบใดที่ได้คนที่ดีจริง เก่งจริง ก็ไม่ใช่ปัญหา อีกทั้งนโยบายของกระทรวงการคลัง ยืนยันว่าจะไม่กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจแน่นอน ยังเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีระบบการตรวจสอบที่โปร่งใส และในช่วงที่ตนเป็นประธานคณะกรรมการบริษัท จะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่นอน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


version 1.0.5-42794e0f7