สศช.ชำแหละ ‘งบแก้ยากจน’ หลายแสนล้าน แก้ปลายเหตุ-แตะแค่กระพี้
ฐานเศรษฐกิจ
18 ก.ย. 2568 | 06:04 น.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับรากฐานความเหลื่อมล้ำระหว่างภูมิภาคของไทย
ภายใต้รายงานการวิเคราะห์ สถานการณ์ความยากจนและความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย
ปี 2567 โดยระบุถึงนโยบายและช่องว่างการดำเนินนโยบายการแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ
มีเนื้อหาที่น่าสนใจว่า
สถานการณ์ความยากจนและความเหลื่อมล้ำในช่วงปีที่ผ่านมา
สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
โดยเมื่อพิจารณาการใช้จ่ายงบประมาณและโครงการ/มาตรการภายใต้ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณพบว่า
การใช้จ่ายงบประมาณเป็นเครื่องมือเชิงนโยบายที่สำคัญสำหรับภาครัฐในการจัดสรรทรัพยากรเพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
โดยในปีงบประมาณ 2567 รัฐบาลได้กำหนดนโยบายงบประมาณแบบขาดดุล
เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
ควบคู่ไปกับการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในทุกมิติ
ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการบริหารจัดการของภาครัฐ
อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
โดยมุ่งเสริมสร้างศักยภาพในการจัดบริการสาธารณะ
การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้
และการใช้งบประมาณในระดับพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ในปี งบประมาณ 2567 รัฐบาลจัดสรรงบประมาณรายจ่ายรวมทั้งสิ้น 3.60 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 19.58 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) โดยมีการเบิกจ่ายรวม 3.54 ล้านล้านบาท
ซึ่งยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมได้รับการจัดสรรงบประมาณสูงสุด
คิดเป็นมูลค่า 827,041 ล้านบาท หรือร้อยละ 23.35 ของงบประมาณทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม
แม้รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมอย่างต่อเนื่องในช่วง 5
ปีที่ผ่านมา
แต่เมื่อพิจารณาในรายละเอียด พบว่า
งบประมาณส่วนใหญ่ภายใต้ยุทธศาสตร์ดังกล่าวถูกใช้ไปกับรายจ่ายประจำและโครงการต่อเนื่อง
โดยเฉพาะการจัดสรรเงินอุดหนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เงินอุดหนุนกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลข้าราชการ ลูกจ้าง และพนักงานของรัฐ
ซึ่งเป็นโครงการที่มีมูลค่าสูงสุด 3 อันดับแรกในหมวดนี้
สะท้อนให้เห็นว่า
การใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐในปัจจุบันอาจยังสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างได้อย่างจำกัด
ทำให้การแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ
ซึ่งฝังรากลึกในระดับโครงสร้างยังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++